เดิมเราเรียกอาคารหลังนี้ว่าเฮือนชายหาญ เป็นเรือนไทยภาคกลาง ต่อมาถูกปรับเปลี่ยน โดยสถาปนิกล้านนาให้มีรูปทรงเป็นเรือนหมู่ ที่มีหลองข้าว จั่วหลังคาด้านบน เป็นจั่วหลังคาแบบจั่วแม่แจ่มหลังคาบ้านทรงไทยของเรา ซึ่งมีความอ่อนช้อยงดงามสร้างด้วยไม้ ก็เป็นลักษณะหนึ่งของทรงจั่ว ปัจจุบันไม้มีราคาแพงและหายาก กอปรกับวิถีชีวิตของคนไทยเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ บ้านทรงไทยจึงเริ่มสูญหายไป และถูกทดแทนด้วยบ้านไทยร่วมสมัย ซึ่งสนองประโยชน์ใช้สอยของการดำเนินชีวิตของคนไทยในปัจจุบันผสานกับวัสดุและเทคโนโลยีใหม่ๆ ของการก่อสร้าง ด้านล่างเป็นโถงกว้าง มีห้องประชุม จุคนราว 40 คน ตัวอาคารถูกรายล้อมด้วยต้นไม้หอม ในสวนนี้เช่นเดียวกัน หากมองไปอีกฝากฝั่งของบึงกว้างกลางสวน จะเห็นบ้านเก่าซึ้งเป็นเรือนไม้ท้องถิ่น และวิถีชิวิตย้อนยุค อาคารนี้มีด้วยกันทั้งหมด 5 ห้อง ก่อนขึ้นไปบนเรือน ต้องถอดรองเท้าด้วย
คำว่าพิพิธภัณฑ์ ตามพจนานุกรม มีความหมายถึง หอรวมโบราณวัตถุที่ล้ำค่าของชาติ แต่ที่เฮือนชายหาญ เป็นที่เก็บของใช้ที่รวมทั้งวัตถุโบราณ ย้อนยุคย้อนสมัย บางชิ้นก็ร่วมสมัย ซึ่งคุณชลางค์ เสสะเวช ท่านเจ้าของกล่าวว่าบางชิ้นเป็นของสะสมเก่าแก่ดั้งเดิมเมื่อครั้งยังเป็นวัยรุ่น หรือหนังสือโหราศาสตร์ของ,งานอดิเรกเมื่อครั้งท่านยังมีชีวิต ถ้วยชามเซรามิคของใช้กระจุกกระจิกของพี่ศรีศักดิ์ สมัยเมื่อเธอเพิ่งแรกรุ่น บางชิ้นก็เพิ่งหามา หรือมีผู้คนนำมามอบให้ ทางสวนฯจึงยังไม่ถือว่าเป็นพิพิธภัณ์ ให้เป็นบ้านที่สะสมของเก่าร่วมยุค หรือ ภาษาฝรั่งเรียกว่า collection house คงจะดีเป็นแน่
ห้องเจ้าดารารัศมี พระชายาพระองค์หนึ่ง ในรัชกาลที่ 5 ในห้องนี้มีรูปเก่าแก่ ของใช้ในสมัยนั้นเช่น ตลับแป้ง เครื่องเจียรนัย ถ้วยชาม ต่างๆ (แต่ไม่ได้หมายถึงของใช้ของพระองค์ท่าน เพียงแต่แสดงว่าในยุคนั้น คนเขาใช้เช่นนี้) รูปผู้ครองนครเชียงใหม่ในสมัยก่อนซึ่งเป็นต้นตระกูล รวมถึงเครือญาติของพระราชชายาเจ้าดารารัศมี
ก่อนจะเข้าห้องชายหาญ จะมีทิพยปราสาท 7 องค์ ตั้งอยู่บนแท่นไม้ที่มีลวดลายปิดทองงดงาม ห้องชายหาญเป็นห้องที่ทำขึ้นเพื่อเทิดทูน พระเกียติยศความเป็นกษัตริย์ที่ทรงไว้ซึ่งคุณงามความดีอันเป็นคุณูปการแก่ปวงชนชาวไทย ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช นอกจากนี้เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดิ์ดีที่ท่านเจ้าของ คือคุณทวีศักดิ์ เสสะเวช ได้เคย รับใช้เบื้องพระยุคลบาทของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ด้วยการถวายงาน โครงการต่างตามพระราชดำริ นอกเหนือจากที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าให้ดำรงตำแหน่งต่างๆ หลายครั้งหลายครา เช่น โปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นอธิบดี 2 กรม และตำแหน่งสุดท้ายปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ แต่สิ่งที่ไม่สามารถลืมได้คือ โปรดเกล้าแต่งตั้งให้เป็นพระยาแรกนาถึง 5 สมัย
นอกเหนือจากตำแหน่งที่ได้รับและเครื่องราชอิสริยาภรณ์มหาปรมาภรณ์ช้างเผือก แล้ว ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์จุลจอมเกล้าสำหรับฝ่ายหน้าคือ ทุติยจุลจอมเกล้าวิเศษ มีจำนวน 200 สำรับ สำหรับ สองร้อยคนในประเทศไทยเท่านั้นที่จะได้รับ ซึ่งจะเห็นได้ว่าน้อยคนนักที่จะได้รับ แม้เป็น ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ทั่วไป ระดับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีก็ใช่ว่าจะได้ หากไม่ทรงโปรดที่จะพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ เป็นเครื่องประดับแสดงความมีเกียรติยศของบุคคลอันเนื่องมาจาทำคุณงามความดี นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณ ฯ แก่ครอบครัวเสสะเวชเป็นอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ห้องนี้ยังบรรจุเรื่องราวสิ่งของอันทรงคุณค่าของความเป็นชายหาญกล้า ของนักรบสมัยก่อนเก่าหรือแสดงให้เห็นถึงวัตถุนิยมของชายสมัยก่อน ว่าเขาแสดงความเป็นชายไว้แสดงออกเพื่อโชว์ให้หญิงสาวได้เมียงมองอย่างไรกัน
ในห้องนี้ จะมีรูปปั้นเหรียญบูชาของเกจิอาจารย์ภาคเหนือแต่ละองค์ ที่ทางท่านเจ้าของนับถือ กราบไหว้บูชา มีพระอุปคุตพระสีวลีในรูปแบบต่างๆ ไม่ลืมที่ยืนตระหง่านยิ้มแป้นสามองค์เป็นพระรูปแบบหลวงพระบาง เป็นพระไม้ทำขึ้นใหม่ บ้างก็เล่าสู่ให้ฟังว่า ปางดังกล่าวนี้เป็นปางขอฝน ส่วนด้านหน้าของพระพุทธรูปสามองค์ เป็นแม่ธรณีบีบมวยผม รูปปั้นแม่โพสพ พระพิรุณทรงนาค (สัญญาลักษณ์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์) ห้องนี้เป็นห้องที่แสดงให้เห็นถึงความเชื่อโบราณ เกี่ยวกับความสมบูรณ์ของผืนดินถิ่นล้านนาของเราว่า ในน้ำมีปลาในนามีข้าว แผ่นดินของเราทวีชลสมบูรณ์